สภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ ได้มี
การประชุมฯ ครั้งที่ 1/2562 เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ 2562 ต่อมาฝ่ายเลขานุการฯ ได้จัดทำรายงาน
การประชุม และแจ้งเวียนให้กรรมการพิจารณาเรียบร้อยแล้ว โดยมีกรรมการ 1 ท่านขอเพิ่มเติมข้อความดังต่อไปนี้ ในส่วนของข้อคิดเห็นของที่ประชุมในระเบียบวาระที่ 3.1 หน้าที่ 9
“การส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี และนวัตกรรม ปัจจุบันกระทรวงการคลังได้มีการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับภาคเอกชน ในการหักค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี และนวัตกรรม เป็นจำนวน 3 เท่าของรายจ่ายที่ได้จ่ายไปจริง ซึ่งจะสิ้นสุดลงในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2562 และลดลงเหลือ 2 เท่า ตามพระราชกฤษฎีกา (ฉบับที่ 598) พ.ศ. 2559 และประกาศกระทรวงการคลังเกี่ยวกับเงินได้ ฉบับที่ 391 ซึ่งหากประสงค์จะให้มีการขยายอายุของการให้สิทธิประโยชน์ดังกล่าว ควรต้องประสานกับกระทรวงการคลังโดยเร็วต่อไป”
เรื่องเดิม
สภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ 1/2562 เมื่อวันอังคารที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2562 ได้มีมติเห็นชอบ 1) ร่างนโยบายและยุทธศาสตร์การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พ.ศ. 2563 – 2570 และร่างกรอบแผนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
พ.ศ. 2563 – 2565 และ 2) เห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 รวมทั้งสิ้น 37,000 ล้านบาท และระบบการจัดสรรและบริหารงบประมาณแบบบูรณาการที่มุ่งผลสัมฤทธิ์ตามกรอบวงเงินดังกล่าว
การดำเนินงาน
สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) ในฐานะฝ่ายเลขานุการสภานโยบาย ได้ดำเนินงานและติดตามการดำเนินงานในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับนโยบายและยุทธศาสตร์
การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และกรอบวงเงินงบประมาณด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ โดยมีความก้าวหน้า สรุปได้ดังนี้
- พ.ศ. 2563 – 2570 และแผนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พ.ศ. 2563 – 2565
กรอบวงเงินงบประมาณด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 และระบบการจัดสรรและบริหารงบประมาณแบบบูรณาการที่มุ่งผลสัมฤทธิ์ เพื่อให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาใน
การประชุมเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ 2562 ซึ่งคณะรัฐมนตรีอนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 รวมทั้งสิ้น 37,000 ล้านบาท และระบบการจัดสรรและบริหารงบประมาณแบบบูรณาการที่มุ่งผลสัมฤทธิ์ และให้สภานโยบายเสนอ
สำนักงบประมาณพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป แจ้งให้หน่วยงานในระบบวิจัยและนวัตกรรมทราบว่า งบประมาณด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ที่ได้รับการจัดสรรในเบื้องต้นจากสำนักงบประมาณ เมื่อวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2562 มีจำนวนทั้งสิ้น 24,645 ล้านบาท ประกอบด้วยงบประมาณยุทธศาสตร์พัฒนาศักยภาพวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม จำนวน 4,350 ล้านบาท งบประมาณยุทธศาสตร์วิจัยและนวัตกรรมที่ตรงไปยังหน่วยรับงบประมาณโดยตรง จำนวน 7,740 ล้านบาท และงบประมาณยุทธศาสตร์วิจัยและนวัตกรรมที่เข้ากองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จำนวน 12,555 ล้านบาท - พ.ศ. 2563 – 2570 ได้มีการกำหนดตัวอย่างโครงการริเริ่มสำคัญ เช่น
แพลตฟอร์มที่ 1 การพัฒนากำลังคนและสถาบันความรู้
- Frontier Research
- Brainpower และ Manpower
แพลตฟอร์มที่ 2 การวิจัยและสร้างนวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์ท้าทายของสังคม
- Grand Challenge
แพลตฟอร์มที่ 3 การวิจัยและสร้างนวัตกรรมเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน
- Bio-Circular-Green (BCG) Economy
แพลตฟอร์มที่ 4 การวิจัยและสร้างนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาเชิงพื้นที่และลดความเหลื่อมล้ำ
- Sustainable Community
เรื่องเดิม
มาตรา 41 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พ.ศ. 2562 เพื่อประโยชน์ในการปฏิรูปการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ กำหนดให้คณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 35/2562 ลงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 ซึ่งดำรงตำแหน่งอยู่ในวันก่อนพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ รวมถึงที่จะมีการแก้ไขเพิ่มเติม เป็นคณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
ต่อมา ได้มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 208/2562 และ 209/2562 ปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดยมี รศ.ดร.ศักรินทร์ ภูมิรัตน เป็นประธาน และมีสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) และสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) เป็นฝ่ายเลขานุการร่วม
การดำเนินงาน
คณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปฯ ในการประชุมครั้งที่ 2/2562 เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม
พ.ศ. 2562 มีข้อสังเกต ความเห็น และข้อเสนอต่อสภานโยบาย ดังนี้
- ความก้าวหน้าการจัดตั้งหน่วยบริหารและจัดการทุนเฉพาะด้านในระบบการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
- ข้อสังเกตเกี่ยวกับการทำงานเชื่อมโยงระหว่างหน่วยงานในแต่ละระดับ เช่น สอวช. สกสว. Program Management Unit (PMU) และหน่วยรับทุน ซึ่งควรมีการออกแบบอย่างเป็นระบบ จึงได้เสนอให้ สกสว. มานำเสนอต่อคณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปฯ ในการประชุมครั้งต่อไป
- ข้อสังเกตเกี่ยวกับวิธีการทำงานของ Program Management Unit (PMU)
- ควรคำนึงถึงหลักธรรมาภิบาล (Good Governance)
- ควรจัดให้มีกลไกการ Empower หน่วยงานที่มารับทุน เนื่องจากระบบบริหารจัดการของมหาวิทยาลัยยังมีศักยภาพไม่เพียงพอ
- ควรจัดให้มี Learning Mechanism ที่เป็นรูปแบบไม่เป็นทางการ (Informal) และจัดให้มีกลไกการติดตามและประเมินผลในลักษณะ Double Loop Learning เนื่องจากความรับผิดชอบต่อผลสัมฤทธิ์ (Accountability) ของหน่วยงานเป็นเรื่องสำคัญ และจำเป็นต้องมีข้อมูลเชิงลึก
- ควรกำหนดตัวชี้วัด (Objective and Key Result: OKR) ที่ชัดเจน แต่มีความยืดหยุ่น ซึ่งจะทำให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพ แต่อย่างไรก็ตาม ควรทำความเข้าใจกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องว่า การทำวิจัยและนวัตกรรมมีความเสี่ยง ซึ่งต้องยอมรับความเสี่ยงในการให้ทุนด้วยว่า อาจจะไม่ประสบความสำเร็จทั้งหมด
- การเตรียมการสำหรับการจัดสรรและบริหารงบประมาณด้านการอุดมศึกษา และด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564
(1) ข้อสังเกตเกี่ยวกับประเด็นงบประมาณด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมที่ได้รับ
การจัดสรรไม่เป็นไปตามกรอบวงเงินงบประมาณที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ โดยคณะรัฐมนตรีอนุมัติ
กรอบงบประมาณจำนวน 37,000 ล้านบาท และต่อมาสำนักงบประมาณปรับลดกรอบวงเงินงบประมาณลงเหลือ 24,645 ล้านบาท ซึ่งไม่เป็นไปตามมาตรา 11 (2) แห่งพระราชบัญญัติสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2562 อาจอธิบายได้ว่า เนื่องจากอยู่ในช่วงของการเปลี่ยนผ่านของกระบวนการจัดสรรงบประมาณ อย่างไรก็ตาม ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 หากยังได้รับจัดสรรงบประมาณในลักษณะนี้ต่อไป จะทำให้การดำเนินงานด้านงบประมาณไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมายที่ตั้งใจให้มีการปฏิรูประบบงบประมาณ ดังนั้น จึงเสนอให้คณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปฯ เสนอประเด็นความเห็นไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีทราบ
(2) ในขั้นตอนของการจัดทำงบประมาณด้านการอุดมศึกษา (มาตรา 45 (3) แห่งพระราชบัญญัติการอุดมศึกษา พ.ศ. 2562) และด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (มาตรา 17 (2) แห่งพระราชบัญญัติ
การส่งเสริมวิทยาศาสตร์ การวิจัยและนวัตกรรม พ.ศ. 2562) ควรให้คณะกรรมการพิจารณางบประมาณด้านการอุดมศึกษา และคณะกรรมการพิจารณางบประมาณด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ซึ่งมีผู้แทนสำนักงบประมาณอยู่ในคณะกรรมการฯ อยู่แล้ว สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ร่วมกันจัดทำกรอบวงเงินงบประมาณ ก่อนเสนอสภานโยบาย และคณะรัฐมนตรี เพื่อให้การจัดสรรงบประมาณ เป็นไปตามกรอบวงเงินงบประมาณที่เสนอขอ และขอให้สภานโยบายมอบหมายคณะกรรมการพิจารณางบประมาณด้านการอุดมศึกษา และคณะกรรมการพิจารณางบประมาณด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ทำหน้าที่จัดทำกรอบวงเงินงบประมาณ และพิจารณาคำของบประมาณของปีงบประมาณถัดไปด้วย
เรื่องเดิม
สภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ 1/2562
เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2562 มีมติเห็นชอบหลักการจัดตั้งหน่วยบริหารและจัดการทุนตามที่
ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ และให้จัดตั้งหน่วยบริหารและจัดการทุนเฉพาะด้านในระบบการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จำนวน 3 หน่วย ในลักษณะ Sandbox ภายใต้สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) และมอบหมายคณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูป
การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ดำเนินการจัดตั้งหน่วยบริหารและจัดการทุนให้แล้วเสร็จ และรายงานความก้าวหน้าต่อสภานโยบาย
การดำเนินงาน
สอวช. จัดทำร่างข้อบังคับคณะกรรมการอำนวยการสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ ว่าด้วยหน่วยบริหารและจัดการทุน พ.ศ. …. โดยผ่านการพิจารณาให้ความเห็นชอบจากคณะกรรมการที่ปรึกษาทรงคุณวุฒิร่างกฎหมายลูกบท ภายใต้กฎหมายจัดตั้งกระทรวง
การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ซึ่งมี ศาสตราจารย์กิตติคุณ บวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็น
ประธานกรรมการ และผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ในคราวประชุมครั้งที่ 2/2562 เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2562 เรียบร้อยแล้ว รายละเอียดตามเอกสารแนบประกอบระเบียบวาระที่ 4.5-1 และ 4.5-2 โดยมีหลักการ ดังนี้
1. การจัดตั้งหน่วยบริหารและจัดการทุนให้ดำเนินการในลักษณะ Sandbox ภายใต้สภานโยบาย
2. หน่วยบริหารและจัดการทุนไม่มีสถานะเป็นนิติบุคคล
3. มีคณะกรรมการบริหารที่มีอิสระ (Autonomy)
4. มีผู้อำนวยการ แต่งตั้งโดยคณะกรรมการบริหาร
5. สอวช. ทำหน้าที่เป็นร่มนิติบุคคล ไม่เข้าไปแทรกแซงการทำงานของคณะกรรมการบริหารและผู้อำนวยการ
6. บุคลากรได้มาจากการโอนย้ายบุคลากรที่มีประสบการณ์เคยทำหน้าที่บริหารจัดการทุน หรือ
การยืมตัวจากหน่วยงานในระบบการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมมาปฏิบัติงาน
7. มีระบบการติดตามและประเมินผล 4 ระดับ ทั้งจากหน่วยงานภายในและภายนอก
8. ควร Spin-off ออกจาก ร่มนิติบุคคลของ สอวช. โดยเร็วที่สุด (ช้าสุดไม่ควรเกิน 3 ปี)