ค้นหาข้อมูลและเอกสาร ล้างตัวกรอก

ระเบียบคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมว่าด้วยจริยธรรมการวิจัยทั่วไป พ.ศ. 2565

วันประกาศ : 24 สิงหาคม 2565
วันใช้บังคับ : 15 ธันวาคม 2565
สถานะ : มีผลบังคับใช้
ประเภท : ระเบียบ

ดาวน์โหลดเอกสาร

  • ระเบียบ กสว. จริยธรรมการวิจัยทั่วไป

ระเบียบคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมว่าด้วยจริยธรรมการวิจัยทั่วไป พ.ศ. 2565

โดยที่เป็นการสมควรกำหนดจริยธรรมการวิจัยทั่วไป เพื่อเป็นแนวทางให้นักวิจัยยึดถือประพฤติปฏิบัติ และมีกระบวนการรักษาจริยธรรมการวิจัย เพื่อรักษาและส่งเสริมเกียรติคุณและชื่อเสียง และฐานะของความเป็นนักวิจัยที่มีคุณภาพ คุณธรรม และจริยธรรม ให้เป็นที่ยอมรับของประชาคมวิจัย และประชาชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ

                     อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 33 (1) แห่งพระราชบัญญัติการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ การวิจัยและนวัตกรรม พ.ศ. 2562 ประกอบกับมาตรา 41 (10) แห่งพระราชบัญญัติสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๒ คณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมโดยความเห็นชอบของสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ จึงออกระเบียบไว้ดังต่อไปนี้

                     ข้อ 1 ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมว่าด้วยจริยธรรมการวิจัยทั่วไป พ.ศ. ….”

                     ข้อ 2 ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

                     ข้อ 3 ในระเบียบนี้

                     “จริยธรรมการวิจัยทั่วไป” หมายความว่า หลักเกณฑ์การประพฤติปฏิบัติและวิธีปฏิบัติที่ดีของนักวิจัยและหน่วยงานในระบบวิจัยและนวัตกรรมที่ต้องยึดถือปฏิบัติ

                     “การวิจัย” หมายความว่า การศึกษาค้นคว้า วิเคราะห์ หรือทดลองอย่างเป็นระบบ อันจะทำให้ได้มาซึ่งข้อเท็จจริง ความรู้ใหม่ หรือหลักการไปใช้ในการตั้งกฎ ทฤษฎี แนวทางในการปฏิบัติเพื่อเป็นพื้นฐานของการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ และศิลปวิทยาการแขนงต่าง ๆ รวมทั้งเพื่อสร้างนวัตกรรม อันจะสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ 

                     “นวัตกรรม” หมายความว่า  ผลิตภัณฑ์ สิ่งประดิษฐ์ บริการ กรรมวิธี ที่เกี่ยวกับการผลิต การจัดโครงสร้างองค์กร ระบบบริหารจัดการ การบริหารการเงิน ธุรกิจ การตลาด หรือในการอื่นใด ทั้งนี้ ซึ่งเป็นสิ่งใหม่หรือพัฒนาให้ดีขึ้นกว่าเดิมอย่างมีนัยสำคัญและนำไปใช้ประโยชน์ได้ในวงกว้างทั้งในเชิงพาณิชย์และสาธารณะ

          “นักวิจัย” หมายความว่า บุคคลหรือคณะบุคคลซึ่งทำการวิจัย และให้หมายความรวมถึงผู้ร่วมศึกษาวิจัย ผู้ช่วยวิจัย และปราชญ์ชาวบ้านหรือนักวิจัยท้องถิ่นซึ่งเป็นผู้ได้รับทุนให้ศึกษาวิจัย โดยนำภูมิปัญญาท้องถิ่นไปผสมผสานกับความรู้ใหม่เพื่อสร้างผลงานนำไปใช้ประโยชน์ทั้งในเชิงนโยบาย เชิงพาณิชย์ เชิงสังคม หรือเชิงสาธารณประโยชน์ด้วย

                     “หน่วยงานในระบบวิจัยและนวัตกรรม” หมายความว่า หน่วยงานของรัฐและเอกชน รวมทั้งสถาบันอุดมศึกษา ที่ดำเนินการเกี่ยวกับการวิจัยและนวัตกรรม

“ผลงานวิจัย” หมายความว่า ข้อค้นพบหรือผลที่เกิดขึ้นจากการวิจัยหรือ การสร้างนวัตกรรม โดยการค้นคว้า การทดลอง การสำรวจหรือการศึกษา รวมถึงองค์ความรู้ การประดิษฐ์ กระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์ กระบวนการบริการ หรือการจัดการในรูปแบบใหม่ ซึ่งเป็นข้อค้นพบใหม่หรือพัฒนาให้ดีขึ้นกว่าเดิมอย่างมีนัยสำคัญและนำไปใช้ประโยชน์ได้ ไม่ว่าจะได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญาหรือไม่ก็ตาม

“กสว.” หมายความว่า คณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมตามกฎหมายว่าด้วยสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2562

                     “คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการจริยธรรมการวิจัย

                     “สำนักงาน” หมายความว่า สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ

                     ข้อ 4 ให้ประธาน กสว.รักษาการตามระเบียบนี้

ข้อ 5 จริยธรรมการวิจัยทั่วไปให้เป็นไปตามที่กำหนดในระเบียบนี้ และตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์การวิจัยและข้อกำหนดจริยธรรมการวิจัยซึ่งมีปัญหากับหลักศาสนา วัฒนธรรม จารีตประเพณี หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน เว้นแต่ในกรณีที่มีกฎหมายหรือกฎกำหนดจริยธรรมการวิจัยเรื่องใดไว้โดยเฉพาะและมีหลักเกณฑ์จริยธรรมที่มีมาตรฐานในการปฏิบัติไม่ต่ำกว่าหลักเกณฑ์ที่กำหนดในระเบียบนี้ ให้ปฏิบัติไปตามที่กำหนดไว้ในจริยธรรมการวิจัยดังกล่าว

                     ข้อ 6 การวิจัยต้องยึดถือและปฏิบัติตามหลักการดังนี้

(1) ความซื่อสัตย์สุจริต (honesty)

(2) การมีมาตรฐานการวิจัยอย่างเคร่งครัด (rigour)

(3) ความโปร่งใสและการสื่อสารโดยเปิดเผย (transparency and open communication)

(4) การมีศีลธรรม คุณธรรม มนุษยธรรม นิติธรรม และความเคารพผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย

(5) ความรับผิดรับชอบและถูกตรวจสอบได้ (accountability)

ข้อ 7 นักวิจัย และที่ปรึกษาโครงการวิจัยต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตต่อตนเองและผู้อื่น มีจิตสำนึกที่ดี กล้าตัดสินใจ และกระทำในสิ่งที่ถูกต้องชอบธรรม ดำรงตนเป็นแบบอย่างที่ดีของผู้ร่วมงาน คิดถึงประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตัว มุ่งผลสัมฤทธิ์ของงาน ปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นธรรมและไม่เลือกปฏิบัติ และมีความรับผิดชอบต่อสังคม

                     ข้อ 8 นักวิจัยและที่ปรึกษาโครงการวิจัยต้องรักษาภาพลักษณ์ของนักวิจัยและหน่วยงานในระบบวิจัยและนวัตกรรม                    

นักวิจัยและที่ปรึกษาโครงการวิจัยต้องให้ความร่วมมือในการตรวจสอบจริยธรรมการวิจัย

                     เมื่อพบเห็นการกระทำความผิดจริยธรรมการวิจัย นักวิจัยและที่ปรึกษาโครงการวิจัยต้องรายงานให้หน่วยงานต้นสังกัดและคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยซึ่งมีหน้าที่และอำนาจรับผิดชอบทราบ

                     ข้อ 9 นักวิจัยต้องมีอิสระทางวิชาการ มีใจเปิดกว้างรับฟังและเคารพความคิดเห็นของผู้อื่น และทำการวิจัยโดยปราศจากอคติทุกขั้นตอนของการวิจัย

                     ข้อ 10 นักวิจัยต้องให้เกียรติผู้อื่น เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น

                     ข้อ 11 นักวิจัยต้องรับผิดชอบต่อหน้าที่ โดยทำวิจัยอย่างเต็มความสามารถ ด้วยความเสียสละ ขยัน อดทน อุทิศเวลาทำงานวิจัยให้ได้ผลดีที่สุด โดยดำเนินการให้เป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนดในโครงการวิจัย และไม่ละทิ้งงาน

                     ข้อ 12 นักวิจัยต้องไม่นำผลงานของผู้อื่นมาเป็นของตนด้วยวิธีการลอกเลียน ดัดแปลง หรือกระทำด้วยวิธีการอื่นใด รวมทั้งต้องไม่กระทำการอันเป็นการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของผู้อื่น

                     นักวิจัยต้องไม่ลอกเลียนผลงานของตนเอง (self-plagiarism) และไม่นำผลงานของตนเองในเรื่องหนึ่งเรื่องใดไปใช้ในสาระสำคัญหรือทำซ้ำในโครงการวิจัยอื่นโดยไม่อ้างอิง

                     ข้อ 13 นักวิจัยต้องไม่บิดเบือนข้อมูล (falsification) หรือสร้างข้อมูลเท็จ (fabrication) เพื่อให้ได้มาซึ่งผลการวิจัยตามที่ตนต้องการหรือเพื่อวัตถุประสงค์อื่น           

ข้อ 14 ในการวิจัยที่มีเนื้อหาสาระกระทบถึงบุคคลอื่นไม่ว่าในทางเป็นคุณหรือเป็นโทษ นักวิจัยจะต้องใช้ข้อมูลจากแหล่งอ้างอิงรอบด้าน การใช้ข้อมูลจากแหล่งอ้างอิงเพียงแหล่งเดียวย่อมไม่เป็นไปตามมาตรฐานการวิจัย

                     ในการนำเสนอผลงานวิจัยที่มีเนื้อหากระทบถึงบุคคลอื่นตามวรรคหนึ่ง นักวิจัยต้องนำเสนอโดยปราศจากอคติ ไม่ชี้นำไปในทางที่นักวิจัยต้องการ

                     ข้อ 15 นอกจากต้องปฏิบัติตามจริยธรรมของนักวิจัยตามระเบียบนี้แล้ว ที่ปรึกษาโครงการวิจัยต้องไม่แทรกแซง หรือครอบงำทางความคิดของนักวิจัย

                     ที่ปรึกษาโครงการวิจัยทางวิทยาศาสตร์อาจมีส่วนร่วมในผลงานวิจัยได้ไม่เกินร้อยละห้าสิบ และต้องไม่นำเสนอผลงานวิจัยในฐานะผู้นิพนธ์หลัก

ข้อ 16 นักวิจัยต้องใช้ความรู้ตามหลักวิชาการและวิชาชีพ ดำเนินการศึกษาค้นคว้าอย่างมีระบบและเป็นไปตามระเบียบแบบแผนวิธีการวิจัยที่เป็นที่ยอมรับของศาสตร์ที่เกี่ยวเนื่องกับเรื่องที่วิจัย มาตรฐานการวิจัยที่เกี่ยวข้องและอ้างถึงบุคคลหรือแหล่งที่มาของข้อมูลที่นำมาใช้ในงานวิจัยอย่างถูกต้อง

ข้อ 17 นักวิจัยต้องมีพื้นฐานความรู้ในสาขาวิชาการที่ทำวิจัยอย่างเพียงพอ มีความรู้ความชำนาญ หรือมีประสบการณ์เกี่ยวเนื่องกับเรื่องที่ทำวิจัย

เพื่อประโยชน์ในการเรียนรู้เกี่ยวกับการทำวิจัย ความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับแก่ผู้ช่วยวิจัยและนักวิจัยที่ทำการศึกษาวิจัยเพื่อเสนอผลงานเพื่อขอรับปริญญาสาขาใดสาขาหนึ่ง

                     ข้อ 18 นักวิจัยต้องไม่แสวงหาประโยชน์จากการรับทุนสนับสนุนงานวิจัยในลักษณะที่ซ้ำซ้อนสำหรับงานวิจัยเรื่องเดียวกันหรือมีสาระสำคัญอย่างเดียวกัน                    

ความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับในกรณีที่การวิจัยนั้นใช้เงินทุนสนับสนุนจากหลายแหล่งและนักวิจัยได้แจ้งให้ผู้ให้ทุนทุกรายทราบว่ามีการขอทุนสนับสนุนจากแหล่งอื่นสำหรับการวิจัยนั้นด้วย ในการนำเสนอผลงานวิจัย นักวิจัยต้องนำเสนอรายชื่อผู้ให้ทุนสนับสนุนการวิจัยทุกราย

                     ข้อ 19 นักวิจัยต้องไม่ดำเนินการอันมีลักษณะเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ในการทำวิจัย

                     นักวิจัยต้องแจ้งให้ผู้ให้ทุนและคณะกรรมการทราบในกรณีที่ตนเองมีส่วนได้เสียเป็นส่วนตัวในการวิจัยนั้น

                     บุคคลอาจคัดค้านนักวิจัยว่ามีส่วนได้เสียเป็นส่วนตัวในโครงการวิจัยนั้น

                     เมื่อมีกรณีตามวรรคสองหรือวรรคสาม ให้คณะกรรมการวินิจฉัยให้เสร็จภายในหกสิบวันและให้นักวิจัยปฏิบัติตามคำวินิจฉัยนั้น

                     ข้อ 20 การรับผลประโยชน์ตอบแทนทั้งที่คำนวณเป็นเงินได้หรือไม่อาจคำนวณเป็นเงินได้ของนักวิจัยเพื่อให้ผลการวิจัยเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่บุคคล นิติบุคคล หรือพรรคการเมืองใดถือเป็นการทุจริตต่อหน้าที่นักวิจัย

                     ข้อ 21 นักวิจัยต้องปฏิบัติตามข้อตกลงที่ทำไว้กับผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย รวมถึงต่อหน่วยงานที่สนับสนุนการวิจัยและหน่วยงานที่ตนสังกัด 

                     ข้อ 22 นักวิจัยต้องรับผิดชอบต่อผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสิ่งที่ศึกษาวิจัยหรือใช้ในการศึกษาวิจัยไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ พืช สิ่งมีชีวิตอื่น สังคม ศิลปวัฒนธรรม ทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และสิ่งอื่นใด

                     ข้อ 23 การจัดให้ได้มาซึ่งข้อมูลการวิจัย นักวิจัยต้องเลือกตัวอย่างและวิธีการให้เป็นไปตามมาตรฐานการวิจัย การดำเนินการและสรุปผลการวิจัยต้องกระทำโดยปราศจากอคติและการเลือกปฏิบัติ

                     ข้อ 24 นักวิจัยพึงเคารพความคิดเห็นและเหตุผลทางวิชาการของผู้อื่น และพร้อมที่จะปรับปรุงแก้ไขงานวิจัยของตนให้ถูกต้อง

ข้อ 25 นักวิจัยต้องไม่ขยายผลข้อค้นพบจนเกินความเป็นจริง และไม่ใช้ผลงานวิจัยไปใน
ทางมิชอบ

ข้อ 26 เพื่อประโยชน์ในการรักษามาตรฐานการวิจัย หลักธรรมาภิบาล และความซื่อสัตย์สุจริตทางวิชาการ ห้ามมิให้นักวิจัยจ้าง วาน ใช้ให้ผู้อื่นทำการวิจัยและนำผลงานนั้นมาใช้เป็นผลงานของตน ทั้งนี้ ไม่ว่าจะมีประโยชน์ตอบแทนหรือไม่ก็ตาม

ห้ามมิให้นักวิจัยรับจ้างหรือรับดำเนินการตามวรรคหนึ่ง เพื่อให้ผู้อื่นนำผลงานนั้นไปใช้ประโยชน์ เว้นแต่เป็นการช่วยเหลือโดยสุจริตตามสมควร

ข้อ 27 นักวิจัยต้องนำผลงานวิจัยเผยแพร่สู่สาธารณชนในวงกว้างเพื่อประโยชน์ทางนโยบาย วิชาการ เศรษฐกิจและสังคม เว้นแต่กรณีที่ไม่ต้องเปิดเผยผลการวิจัยตามระเบียบสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ ว่าด้วยการแจ้ง การนำส่ง การเชื่อมโยงข้อมูล การรายงานผลงานวิจัยและนวัตกรรม และการเปิดเผยข้อมูลการวิจัยในระบบข้อมูลสารสนเทศกลาง

                     ข้อ 28 หน่วยงานในระบบวิจัยและนวัตกรรม หรือบุคคลที่ทำหน้าที่ควบคุมการวิจัย ต้องกำกับดูแลการทำวิจัยให้เป็นไปตามมาตรฐานการวิจัย    

ข้อ 29 ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่งเรียกว่า “คณะกรรมการจริยธรรมการวิจัย” ประกอบด้วย

                     (1) ผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งเป็นกลาง และได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในเรื่องจริยธรรมคนหนึ่งซึ่ง กสว. แต่งตั้งเป็นประธานกรรมการ

                     (2) กรรมการโดยตำแหน่ง ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ผู้อำนวยการสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย ประธานที่ประชุมคณะกรรมการอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ประธานที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏ และนายกสมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชน

                     (3) กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนไม่เกินเจ็ดคนซึ่ง กสว. แต่งตั้งจากผู้มีความรู้ ความสามารถ หรือประสบการณ์ด้านการส่งเสริมจริยธรรม ด้านกฎหมาย ด้านการบริหารงานบุคคล หรือด้านอื่นใดอันจะเป็นประโยชน์แก่การปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการ

                     ให้ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ เป็นกรรมการและเลขานุการ และคณะกรรมการอาจแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ของสำนักงานเป็นผู้ช่วยเลขานุการได้จำนวนไม่เกินสองคน

                     คุณสมบัติ ลักษณะต้องห้าม หลักเกณฑ์การแต่งตั้ง วาระการดำรงตำแหน่งและการพ้นจากตำแหน่งของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตาม (3) ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ และวิธีการ ที่ กสว. กำหนด

                     การประชุมของคณะกรรมการให้เป็นไปตามระเบียบการที่คณะกรรมการกำหนด

                     เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการ คณะกรรมการอาจมีมติให้เชิญผู้แทนที่ทำหน้าที่บริหารงานรัฐวิสาหกิจหรือองค์การมหาชนหรือหัวหน้าหน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่และอำนาจโดยตรงเกี่ยวกับเรื่องที่จะพิจารณา หรือผู้ซึ่งมีความรู้ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ด้านจริยธรรมให้เข้าร่วมประชุมเป็นครั้งคราวในฐานะกรรมการด้วยก็ได้ ในกรณีเช่นนั้น ให้ผู้ที่ได้รับเชิญและมาประชุมมีฐานะเป็นกรรมการสำหรับการประชุมครั้งที่ได้รับเชิญนั้นแต่ไม่มีสิทธิออกเสียงลงคะแนน

                     ข้อ 30 คณะกรรมการมีหน้าที่และอำนาจ ดังต่อไปนี้ 

                     (1) เสนอแนะและให้คำปรึกษาต่อ กสว. ในการจัดทำแผนส่งเสริมและพัฒนาจริยธรรมและมาตรฐานการวิจัยตลอดจนมาตรการในการสร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติตามจริยธรรมและมาตรฐานการวิจัย

                     (2) เสนอแนะต่อ กสว. ในการแก้ไขเพิ่มเติมหรือปรับปรุงจริยธรรมการวิจัยทั่วไปตามที่กำหนดในระเบียบนี้

                     (3) เสนอต่อ กสว. เพื่อกำหนดแนวทางปฏิบัติ มาตรการ และกลไกในการขับเคลื่อนและการบังคับใช้จริยธรรมการวิจัยทั่วไป  

                     (4) กำกับดูแล ติดตาม และประเมินผลการดำเนินการตามจริยธรรมการวิจัยทั่วไปและมาตรฐานการวิจัยและให้ความเห็นต่อรายงานประจำปีของหน่วยงานในระบบวิจัยและนวัตกรรมเกี่ยวกับจริยธรรมทั่วไปและมาตรฐานการวิจัย

                     (5) ให้คำแนะนำหรือคำปรึกษาเกี่ยวกับจริยธรรมการวิจัยทั่วไปและมาตรฐานการวิจัยแก่นักวิจัย หน่วยงานในระบบวิจัยและนวัตกรรม และผู้ที่เกี่ยวข้อง

                     (6) พิจารณาและวินิจฉัยเรื่องเกี่ยวกับจริยธรรมการวิจัยทั่วไปและมาตรฐานการวิจัยตามระเบียบนี้  และรายงานต่อ กสว.

                     (7) จัดให้มีฐานข้อมูลเกี่ยวกับจริยธรรมการวิจัยทั่วไปและมาตรฐานการวิจัย

                     (8) ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามระเบียบนี้ หรือตามที่ กสว. มอบหมาย

                     ข้อ 31 คณะกรรมการมีอำนาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ เพื่ออปฏิบัติการตามที่คณะกรรมการมอบหมาย

                     การประชุมคณะอนุกรรมการ ให้นำระเบียบการการประชุมของคณะกรรมการมาใช้บังคับโดยอนุโลม

                     ข้อ 32 กรณีที่โครงการวิจัยใดมีข้อสงสัยว่าอาจขัดหรือไม่เป็นไปตามหลักจริยธรรมการวิจัยทั่วไปหรือมาตรฐานการวิจัย ให้ดำเนินการ ดังนี้

                     (1) หน่วยงานซึ่งเป็นผู้ให้ทุน ผู้รับทุน หรือนักวิจัย อาจเสนอโครงการวิจัยนั้นต่อคณะกรรมการเพื่อพิจารณาและให้ข้อเสนอแนะ

                     (2) สำนักงาน หน่วยงานในระบบวิจัยและนวัตกรรม ผู้มีส่วนได้เสียอาจเสนอเรื่องนั้นต่อคณะกรรมการเพื่อพิจารณาและให้ข้อเสนอแนะ

                     การพิจารณาตามวรรคหนึ่ง ให้คณะกรรมการดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในหกสิบวันนับแต่วันที่สำนักงานได้รับเรื่อง และอาจขยายระยะเวลาได้ไม่เกินสองครั้ง ครั้งละไม่เกินสามสิบวัน โดยต้องแสดงเหตุผลในการขยายระยะเวลา และเมื่อคณะกรรมการได้พิจารณาเสร็จสิ้นแล้วให้แจ้งผลการพิจารณาไปยังผู้ที่แจ้งและบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องตามวรรคหนึ่ง

          ข้อ 33 ในกรณีที่ปรากฏว่านักวิจัย ที่ปรึกษา ผู้ให้ทุน หรือผู้รับทุนใดมีการดำเนินงานที่ขัดหรือไม่เป็นไปตามหลักจริยธรรมการวิจัยทั่วไปหรือมาตรฐานการวิจัย ผู้พบเห็นหรือทราบการดำเนินงานที่ขัดหรือไม่เป็นไปตามหลักจริยธรรมการวิจัยทั่วไปหรือมาตรฐานการวิจัยอาจเสนอเรื่องนั้นให้คณะกรรมการพิจารณาวินิจฉัยได้

ในการพิจารณาเรื่องตามวรรคหนึ่ง ให้คณะกรรมการดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในหกสิบวันนับแต่วันที่สำนักงานได้รับเรื่อง และอาจขยายระยะเวลาได้ไม่เกินสองครั้ง ครั้งละไม่เกินสามสิบวัน โดยต้องแสดงเหตุผลในการขยายระยะเวลา และเมื่อคณะกรรมการได้พิจารณาเสร็จสิ้นแล้วให้แจ้งผลการพิจารณาให้ผู้เสนอเรื่องทราบ

ข้อ 34 ในการพิจารณาเรื่องตามระเบียบนี้ หากคณะกรรมการเห็นว่าไม่มีมูลการกระทำที่ขัดหรือไม่เป็นไปตามหลักจริยธรรมทั่วไปหรือมาตรฐานการวิจัย ให้คณะกรรมการมีมติให้ยุติเรื่องและแจ้งให้ผู้เสนอเรื่องทราบ

                     ในกรณีที่คณะกรรมการเห็นว่ามีมูลการกระทำที่ขัดไม่เป็นไปตามหลักจริยธรรมทั่วไปหรือมาตรฐานการวิจัย ให้คณะกรรมการแจ้งให้ผู้กระทำการดังกล่าวทราบเป็นลายลักษณ์อักษรโดยให้ระบุข้อเท็จจริง ข้อกฎหมายและระเบียบ ตลอดจนเหตุผลที่แสดงมูลความผิด และให้ถือว่าผู้นั้นเป็นผู้ถูกกล่าวหา

                     คณะกรรมการต้องให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหาชี้แจง แสดงพยานหลักฐานแก้ข้อกล่าวหาตามสมควร โดยผู้ถูกกล่าวหามีสิทธิให้ทนายความหรือที่ปรึกษากฎหมายเข้าร่วมชี้แจงพร้อมผู้ถูกกล่าวหา และช่วยเหลือผู้ถูกกล่าวหาได้ตามสมควร

                     ข้อ 35 คำวินิจฉัยของคณะกรรมการให้ระบุข้อเท็จจริง ข้อกฎหมายและระเบียบ รวมทั้งเหตุผลแห่งคำวินิจฉัย ในกรณีที่มีความเห็นแย้งของกรรมการเป็นลายลักษณ์อักษร ให้แนบความเห็นแย้งนั้นไว้กับคำวินิจฉัยและให้แจ้งคำวินิจฉัยนั้นต่อผู้ถูกกล่าวหาและผู้เสนอเรื่องและรายงานให้ กสว. ทราบ

                     คำอุทธรณ์คำวินิจฉัยตามวรรคหนึ่งให้ยื่นต่อ กสว. ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ผู้ถูกกล่าวหาได้รับแจ้งคำวินิจฉัย

          ข้อ 36 ในการพิจารณาเรื่องตามข้อ 32 หรือข้อ 33 ให้คณะกรรมการมีอำนาจ ดังต่อไปนี้

          (1) เชิญผู้เสนอเรื่อง ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการวิจัย หรือบุคคลใดมาให้ความเห็นหรือข้อเท็จจริง หรือส่งเอกสารหรือสิ่งอื่นที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่พิจารณา 

                     (2) ตรวจสถานที่ เครื่องมือเครื่องใช้และสิ่งอื่นที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยในโครงการวิจัยที่อยู่ในการพิจารณาของคณะกรรมการ

                     (3) สั่งให้ผู้ให้ทุน ผู้รับทุน นักวิจัยหรือที่ปรึกษาโครงการวิจัยหยุดการดำเนินการวิจัยไว้ชั่วคราวจนกว่าคณะกรรมการจะวินิจฉัยเรื่องนั้นแล้วเสร็จ

                     ข้อ 37 ในกรณีที่มีการประพฤติผิดจริยธรรมการวิจัยทั่วไปหรือไม่เป็นไปตามมาตรฐานการวิจัย ให้ดำเนินการดังนี้  

                     (1) มีคำสั่งให้ผู้ให้ทุน ผู้รับทุน นักวิจัยหรือที่ปรึกษาโครงการวิจัยหยุดการดำเนินการดังกล่าว และกำหนดมาตรการแก้ไขเยียวยา

                     (2) ขึ้นบัญชีผู้ให้ทุน ผู้รับทุน นักวิจัยหรือที่ปรึกษาโครงการวิจัยที่ประพฤติผิดจริยธรรมหรือไม่เป็นไปตามมาตรฐานการวิจัยเพื่อประโยชน์ในการพิจารณาการให้ทุนในโอกาสต่อไป

                     (3) แจ้งให้สำนักงาน ผู้ให้ทุน ผู้รับทุนหรือหน่วยงานต้นสังกัดของนักวิจัยหรือที่ปรึกษาโครงการวิจัยทราบเพื่อดำเนินการทางวินัยหรือดำเนินการอื่นต่อไป

ข้อ 38 ในกรณีที่ผลงานวิจัยกระทำโดยฝ่าฝืน ข้อ 12 ข้อ 13 ข้อ 14 ข้อ 19 ข้อ 20 หรือข้อ 26 คณะกรรมการอาจมีมติให้ดำเนินการตามลักษณะและความร้ายแรงแห่งการกระทำผิดจริยธรรมดังนี้

(1) ถอดถอนผลงานวิจัย (retraction)

(2) ประกาศการกระทำผิดดังกล่าวให้ทราบเป็นการทั่วไป

(3) ดำเนินการอื่นตามที่ กสว. ประกาศกำหนด

วิธีดำเนินการตามวรรคหนึ่งให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนด

                     ข้อ 39 ให้ผู้ให้ทุน ผู้รับทุน นักวิจัยหรือที่ปรึกษาโครงการวิจัยปฏิบัติตามคำวินิจฉัยหรือคำสั่งของคณะกรรมการโดยพลัน

                     ในกรณีที่ผู้ให้ทุน ผู้รับทุน นักวิจัยหรือที่ปรึกษาโครงการวิจัยไม่ปฏิบัติตามคำวินิจฉัยหรือคำสั่งของคณะกรรมการ ให้คณะกรรมการแจ้งให้ กสว. และหน่วยงานในระบบวิจัยและนวัตกรรมทราบเพื่อดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจต่อไป และให้ประกาศให้ทราบเป็นการทั่วไปด้วย

                     ข้อ 40 ให้หน่วยงานในระบบวิจัยและนวัตกรรมจัดทำรายงานการดำเนินการเกี่ยวกับจริยธรรมการวิจัยทั่วไปและมาตรฐานการวิจัยเสนอต่อคณะกรรมการปีละหนึ่งครั้งตามแบบที่คณะกรรมการกำหนด

                     ข้อ 41 ให้สำนักงานโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการจัดทำรายงานการดำเนินการเกี่ยวกับจริยธรรมการวิจัยทั่วไปและมาตรฐานการวิจัยของหน่วยงานในระบบวิจัยและนวัตกรรมเสนอต่อ กสว. ปีละหนึ่งครั้ง

ประกาศ ณ วันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2565

ศาสตราจารย์กิตติคุณสุทธิพร จิตต์มิตรภาพ

ประธานกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม